top of page

เบื้องหลัง Moonwatch อันเลื่องชื่อของ Omega



Buzz Aldrin poses on the Moon, allowing Neil Armstrong to photograph both of them using the visor's reflection.

เมื่อได้ยินคำว่า "Moonwatch" หลาย ๆ คนก็คงจะนึกถึงนาฬิกาของ Omega อย่างแน่นอน โดยชื่อ Moonwatch นี้มาจาก Apollo program ภารกิจส่งคนไปเหยียบดวงจันทร์ของ NASA ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญของมนุษชาติ โดย Apollo program ประกอบไปด้วย 4 ภารกิจสำหรับบินตรวจสอบยานอวกาศและอุปกรณ์สำหรับใช้ในภารกิจ Apollo และอีก 7 ภารกิจ คือการขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ และแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งก็มีภารกิจที่ไม่สำเร็จคือภารกิจ Apollo 1 เนื่องจากเหตุไฟไหม้ห้องโดยสารขณะการตรวจสอบก่อนการบินบนฐานแท่นปล่อยจรวดในวันที่ 27 มกราคม 1967 ทำให้ต้องสูญเสีย 3 นักบินอวกาศอย่าง Gus Grissom, Ed White และ Roger B. Chaffee

Grissom, White, and Chaffee in front of the launch pad containing their AS-204 space vehicle

หลังจากเหตุการณ์นั้น ทำให้ Apollo program ได้มีภารกิจตรวจสอบตัวยานอวกาศและยานที่ใช้ลงบนดวงจันทร์อย่างเข้มข้น จนในที่สุดภารกิจ Apollo 11 อันเลื่องชื่อก็ได้นำเอานักบินอวกาศเหยียบพื้นดวงจันทร์สำเร็จเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ปี 1969 อันได้แก่ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin โดยมี Michael Collins ทำหน้าที่ขับยานบังคับโมดุลวนดวงจันทร์เพื่อรอรับ 2 นักบินอวกาศ ภายหลังจากภารกิจนี้ก็ได้มีภารกิจอื่น ๆ มาสำรวจดวงจันทร์อีกมากมาย

Three astronauts in spacesuits without helmets sitting in front of a large photo of the Moon.

โดยมีอีกหนึ่งภารกิจที่น่าจดจำ คือ ภารกิจ Apollo 13 ที่ตั้งใจจะลงจอดบนดวงจันทร์แต่มีเหตุต้องยกเลิกเนื่องจากถังออกซิเจนของยานระเบิด ทำให้นักบินทั้ง 3 ต้องวนรอบดวงจันทร์และกลับมายังโลกแทน ความน่าสนใจ คือ พวกเขากลับมายังโลกได้อย่างไร ? ใครจะรู้ว่าพระเอกของภารกิจนี้คือ เจ้านาฬิกา Speedmaster ของ Jack Swigert หนึ่งในนักบินอวกาศที่ได้นำมาใช้ในการจับเวลา 14 วินาทีของการระเบิดของ Lunar Module เพื่อกลับมายังโลกได้อย่างปลอดภัย และทาง NASA ก็ได้มอบ Silver Snoopy Award เป็นรางวัลแก่ Omega ซึ่งต่อมาได้มีการผลิตนาฬิกาเพื่อฉลองภารกิจดังกล่าวด้วย

แน่นอนว่านี้ไม่ใช่นาฬิกา Omega เรือนแรกที่เดินทางสู่อวกาศ หากเราย้อนไปในปี 1962 เมื่อ Walter Schirra หนึ่งในนักบินอวกาศของ Project Mercury ได้สวมใส่นาฬิกา Speedmaster CK 2998 นี้เป็นการส่วนตัว ขณะเข้าร่วมภารกิจบนยาน SIGMA7 ซึ่งได้นำไปสู่การทดสอบอันเลื่องชื่อของ NASA เพื่อเฟ้นหานาฬิกาที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับใช้ในภารกิจ Gemini และ Apollo โดยแต่ละเรือนจะต้องผ่านการทดสอบทั้งความแม่นยำ อ่านง่าย เห็นชัดในแสงขาวและแสงแดง รวมถึงการทดสอบอุณหภูมิ ความชื้น แรงโน้มถ่วง แรงเหวี่ยง แรงดันสูง การบีบอัด การสั่นสะเทือน เสียงรบกวน เป็นต้น และเป็นแน่นอนว่าเจ้านาฬิกา Speedmaster ของ Omega ได้ผ่านการทดสอบดังกล่าวและได้รับเลือกให้ใช้ในภารกิจ และปรากฏในภารกิจ Apollo 11 ที่ประสบความสำเร็จจนสามารถเหยียบบนดวงจันทร์ได้ โดย Buzz Aldrin เป็นผู้สวมนาฬิกาเรือนนั้น จนได้ชื่อว่าเป็น “Moonwatch”

Buzz Aldrin wearing an Omega Speedmaster during Apollo 11

สำหรับ Moonwatch ที่น่าสนใจที่สุดในศักราชนี้คงหนีไม่พ้น “Omega Speedmaster CK 2998 limited edition” อย่างที่ได้กล่าวไปว่า ดั้งเดิมนาฬิกาเรือนนี้ เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ผจญภัยในห้วงอวกาศ เมื่อปี 1962 โดย Walter Schirra สวมขณะปฏิบัติภารกิจ Project Mercury โดยที่ไม่ทราบเลยว่านาฬิกาเรือนนี้จะสามารถอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ แน่นอนเมื่อภารกิจลุล่วงเจ้านาฬิกา Omega Speedmaster CK 2998 ก็ได้กลายเป็น “the first Omega in space”

Omega Speedmaster CK 2998 limited edition

Omega Speedmaster CK 2998 limited edition

ย้อนไปปี 1959 นาฬิกาOmega Speedmaster CK 2998 รุ่นแรกได้วางจำหน่าย และถือได้ว่าเป็นนาฬิกาวินเทจที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก ปัจจุบัน Omega ได้นำเอาความคลาสสิคและดีไซน์ของ Omega Speedmaster CK 2998 มาเป็นแรงบันดาลใจในการผลิตนาฬิการุ่น“Omega Speedmaster CK 2998 limited edition” ซึ่งผลิตเพียง 2,998 เรือนทั่วโลกเท่านั้น




Omega Speedmaster CK 2998 limited edition

นาฬิกา Omega Speedmaster CK 2998 limited edition มาด้วยหน้าปัดขนาด 39.7 มิลลิเมตร พร้อมกับ 3 หน้าปัดย่อยสีดำ ขอบเซรามิกสีดำและ Pulsometer scale สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจต่อนาที เข็มบอกชั่วโมงและนาทีทรง Alpha เช่นเดียวกับรุ่น CK 2998 สุดคลาสสิคในอดีต พร้อมด้วยเข็มวินาทีโคโนกราฟสีแดง



Seahorse medallion on the Caseback

ความพิเศษของนาฬิกาเรือนนี้อีกอย่างก็คือฝาหลังแกะสลักรูป Seahorse Medallion หรือ Hippocampus ที่แท้จริงแล้ว มันคือสัตว์ที่มีหัวเป็นม้าและหางเป็นปลา ตามตำนานเทพเจ้ากรีกได้ใช้เป็นเทียมรถศึกของโพไซดอน นอกจากนั้นสัญลักษณ์นี้ได้ปรากฏบนข้างเรือกอนโดลาของเวนิส ไว้เพื่อปกป้องทั้งเรือกอนโดลา ผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่ะ ต่อมาในปี 1950 ช่างแกะสลัก Jean-Pierre Borle ที่ทำงานกับ Omega ได้นำ Hippocampus มาเป็นแรงบันดาลใจในการแกะสลัก โดยในปี 1958 ก็ได้ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนการกันน้ำของนาฬิกา Omega


ความพิเศษของนาฬิกา Omega Speedmaster CK 2998 limited edition เรือนนี้ยังไม่จบ โดยนาฬิกาแต่ละเรือนจะมีหมายเลข limited edition อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยกลไก OMEGA Calibre 1861 ซึ่งเป็นกลไกตามแบบฉบับ “Moonwatch” อีกด้วยดค่ะ

References

en.wikipedia.org

www.omegawatches.com

www.bobswatches.com

www.hq.nasa.gov

www.spaceflight.nasa.gov


Featured Posts
Recent Posts
bottom of page