The New Rolex Submariner 2020
วันที่ 1 กันยายน 2020 ก็เป็นอีกวันที่ Rolex WiKi ทั้งหลายต้องจดบันทึกไว้ เนื่องจากมีการเปิดตัว
Rolex Submariner รุ่น ปี 2020 ใหม่ล่าสุดแบบยกแผง ตั้งแต่รุ่น No date ลากยาวไปถึงตัว Solid Gold หรือ ทองล้วน ซึ่งอาจจะผิดประเพณีดั้งเดิมของ Rolex ไปซักหน่อยที่ปกติ จะต้องค่อย ๆ ปล่อยมาทีละวัสดุ และเริ่มที่ตัวขายยากก่อน คือทอง อย่างปี 2008 Rolex เปิดตัว Submariner รุ่น 6 หลักเป็นครั้งแรก ก็จะเริ่มที่รุ่น 116619LB วัสดุ White Gold ทั้งเรือน กว่าจะถึงคิว Submariner Date Steel รุ่นยอดนิยมที่เราซื้อใส่กันถึงเมื่อวาน ต้องรอถึงปี 2010
เก่าไปใหม่มา ย่อมต้องดีกว่าเดิม เพราะปี 2020 Rolex มองภาพรวม Submariner แบบทั่วถึง การเปิดตัวยกแผงทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะปัจจัย 2 สถานการณ์ 1) การระบาดใหญ่ของ Covid-19 ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป จนส่งผลกระตุ้นให้เกิดข้อถัดไป ซึ่งก็คือ 2) Rolex ต้องโบกมือลาจากงานแสดงนาฬิกาสำคัญประจำปี Basel World 2020 เพราะตัวเองเชื่อมั่นว่า Online นั้นยิ่งใหญ่เพียงพอ จึงตัดสินใจเปิดตัวนาฬิกาเรือธงลำใหญ่ที่สุด นั่นคือ Submariner แบบยกมาทั้งกองเรือเลย
สิ่งที่ทำให้ปากกาเซียนหลายท่านอาจจะหมึกหมด คือการปรับขนาดจากรุ่นเดิม เป็นขนาด 41mm เอาจริงแล้วไม่จำเป็นเลย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็พอใจกับขนาด 40mm ซึ่งเป็นมาตรฐานมานานหลายยุคหลายทศวรรษของ Sub อีกทั้งลูกค้าชาวเอเชียเป็นตลาดสำคัญก็ไม่เคยมีปัญหากับขนาดของมัน แถม Sub ก็เกือบจะเป็นนาฬิกา Unisex คือใส่ได้ทั้งข้อมือหญิงชาย เนื่องจากความพิเศษของสาย Glide Lock ที่ปรับได้มากมายมหาศาลถึง 1.5 ซม ทำให้คุณผู้หญิงของที่บ้านขอยืมไปใส่ในบางวันได้ แต่พอเป็นขนาด 41มม เราก็ไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้คุณผู้หญิงรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไหมนะคะ
เครื่องใหม่รหัส 3230 (Sub No date) และ 3235 (Sub date) ก็ไม่ได้ใหม่ล่าสุดเพราะถูกนำมาใช้ตั้งแต่ปี 2015 ใน Rolex Pearl Master เครื่องรุ่นนี้ยังถูกใช้กับนาฬิกาแทบจะทุกรุ่นของ Rolex ที่มีวันที่ อาทิเช่น Datejust 34,36,41 รวมถึงไลน์สปอร์ทแบบ Sea-Dweller รุ่นใหม่ทั้ง RedSea และรวมถึง Yacht-Master เรียกว่าเครื่องเดียวใช้กันทั้งบริษัท จนถึง All New Sub 2020 รุ่นนี้ด้วย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ต้องกล่าวถึงมากนัก นอกจากสิ่งที่ผู้ใช้น่าจะสัมผัสได้จากลานสำรองพลังงานที่มากขึ้นอีกเกือบ 14-16 ชม และความเที่ยงตรง +/-2 วินาทีต่อวัน แบบ Superlative Chronometer มาตรฐานเหรียญเขียวของ Rolex และหวังว่ามันจะคงที่แบบนั้นไปอีก 2-3 ปีก่อนหมดประกัน
สิ่งที่จะต้องกล่าวถึงอย่างแรกคือสองรุ่นที่น่าตื่นเต้นกว่าใคร คือ Sub Date ขอบเขียว 126610LV และ ตัวทองคำขาว 126619LB ที่จะบอกว่าขายดีแน่นอน ถามว่าทำไมถึงเอามาเปรียบเทียบกัน ก็เพราะลัดดาเชื่อว่า ราคาตลาดที่แท้จริงของตัวขอบเขียวจะพุ่งทยานเป็นเท่าตัว จนหลายคนหนีไปตัว White gold ขอบฟ้า ซึ่งก็คงจะติด Premium Fee แต่ก็คงไม่แรงมาก ปัจจุบันการขายนาฬิกาหลักล้านของ Rolex ก็ไม่เป็นเรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว อีกทั้งสีฟ้าของตัว White Gold ไม่ได้ทำเป็นสีด้านแบบ 116619LB รุ่นสิบปีที่แล้ว ยอมรับเลยว่ามันสวยมากจนหลายคนน่าจะตัดสินใจ Upgrade ไปแตะขอบฟ้าแบบไม่ลังเล
ปิดท้ายเรื่องราคา ก็จำเป็นต้องสอดคล้องกับสถาณการณ์ Covid-19 ซึ่ง All New Rolex Submariner ปรับราคาจากเดิมไม่มาก ดูอย่าง Submariner ขอบเขียว 126610LV ก็ปรับกันแทบไม่รู้ว่าปรับ อยู่ที่ 327,600 บาท ราคาตลาดคงต้องเอามาคูณกันว่าจะปิดเท่าไหร่ (ไม่ใช่บวกนะคะ .. คูณ) ส่วน Submariner Date ดำ 126610LN อยู่ที่ 313,200 เหมือนจะปรับกันหลักพัน เพราะลัดดาเองก็ไม่ได้ Capture หน้าจอราคาเดิมไว้ ใครจำได้ลองมา Comment กันดูนะคะ
Comments